pages : 162
how to read : Left to right
Language : Thai
ก็ตามที่คุณหมอวินิจฉัย ผมยังได้ยินเสียง เป็นเสียงน้ำหยดติ๋ง...ติ๋งดังอยู่ในแก้วหูของผม ได้ยินแบบนี้มาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว น่าจะอายุ 13 ไม่ก็ 14 ผมเคยทั้งพยายามและไม่พยายามจะหาคำตอบ ผมลองทุกวิถีทางเพื่อพบว่าทุกอย่างช่างว่างเปล่า ผมถึงต้องมาหาคุณหมอ----อะไรนะครับ? อยากให้ผมทบทวนลำดับความคิดตัวเองอีกทีอย่างนั้นหรือ ถ้าคุณหมอว่าง ผมก็ยินดีนั่งทวนให้ฟังทีละอย่างเสียตอนนี้เลยยังได้ เพราะผมไม่อยากกลับบ้าน อ๋า บ้านของผมน่ะหรือ...ไม่รู้สิ เอาเป็นว่าผมชื่อมิโคโตะ โคเฮย์ ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่อยู่บ้านตามลำพังเพราะไม่อยากฟัง 'เสียงหยดน้ำ' ครับ
___
:นี่นี่ มาทำสัญญากันไหม
:สัญญาอะไร
:วันไหนที่มิโคโตะอยากตายขึ้นมาจริงๆ เธอช่วยติดต่อมาได้หรือเปล่า ฉันสัญญาว่าจะใช้เบอร์เดิมตลอดชีวิต
:ทำไม จะมาตายด้วยกันเรอะ?
ทันใดนั้น เท่าทันการวูบไหวของเปลวเทียน สายตาโคฮาคุไร้แววล้อเล่น ผมชักเสียวสันหลังขึ้นมา
เขาเอาจริง
เรื่องราวของเด็กชายสองคนซึ่งเวียนมาเจอกันผ่านความงันเงียบปล่าวเปลี่ยว มิโคโตะ โคเฮย์ลูกชายเจ้าของศาลเจ้าและหญิงเย็บผ้าผู้ใครก็พูดว่าตกถังข้าวสารได้เจอเพื่อนใหม่จากเมืองหลวงโคฮาคุ ชินยะคือชื่อของเพื่อนใหม่คนนั้น ความอ้างว้างคือแรงดึงดูดระหว่างกัน ลึกๆ ในใจทั้งคู่ต่างโหยหาใครสักคนแล้วเรียกให้เต็มปากและน้ำตาที่ล้นเอ่อว่า บ้าน ต่างคนต่างหาบ้านที่หมายถึงการดำรงอยู่นิรันดร์แม้วันหนึ่งกายหยาบต้องตายจากไป ทว่าการจะสร้างบ้านได้ก็ย่อมมีหลายอย่างให้สั่งสมและเก็บเกี่ยว เพราะเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้มิโคโตะกับโคฮาคุต้องห่างกันไป หลังเรียนจบก็ไม่ได้พบกันอีก โคฮาคุรู้สึกว่าการจากกันครั้งนั้นเป็นความเจ็บปวดที่อยากกลับมาแก้ไข อยากจะเจอมิโคโตะเพื่อพูดคุยและสานสัมพันธ์กันใหม่ ทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้งในวัย 27 ปี ทว่ามิโคโตะในวัยนี้เอาแต่พูดว่าได้ยินเสียงน้ำในหูหยดติ๋งติ๋ง แล้วก็ยิ้มเย็นเหมือนไม่พอใจในบางอย่าง บางครั้งก็พูดด้วยใบหน้าชวนขนลุกเกรียว มิโคโตะมีความลับที่ไม่อาจบอกใครแม้แต่โคฮาคุ